ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เว็บไซต์เกิดขึ้นได้ยังไง

HTML คืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง ??

HTML หรือ HyperText Markup Language เป็นภาษา script ประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้ทำ Web page เป็นงานหลัก ในระบบ World Wide Web ในแรกเริ่ม วัตถุประสงค์หลักของ HTML ถูกเสนอโดยนาย ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี (Tim Berners-Lee) แห่งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยทางอนุภาคฟิสิกส์ของยุโรป (CERN) ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ได้กำหนดไว้ว่า ปี ค.ศ. 1961 อินเตอร์เน็ตได้เกิดและเติบโตขึ้น พร้อมกับภาษาคอมพิวเตอร์และโปรโตคอล (Protocol) จำนวนมาก เพื่อรองรับกับ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอินเตอร์เน็ต หนึ่งในภาษาคอมพิวเตอร์และโปรโตคอลนั้นคือ ภาษา HTML และ TCP/IP (Transmission Control Protocol/ Internet Protocol) ทั้งนี้เพราะ World Wide Web แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอินเตอร์เน็ต แต่ได้รับความนิยม อย่างสูง และรวดเร็ว โปรโตคอล HTTP (ซึ่งเป็นส่วนย่อยของโปรโตคอล TCP/IP) จึงได้รับการพัฒนาเพื่อสนับสนุนภาษา HTML ซึ่ง ใช้ในการจัดเก็บเอกสารบน World Wide Web


ภาษา HTML ในยุคแรกเริ่ม ถูกใช้เพื่อจัดทำรูปแบบตัวอักษรบนเอกสารประเภท Hypertext ความสามารถจึงยังคงจำกัดอยู่มาก เพียงทำได้แต่ การกำหนดรูปแบบ heading แต่สำหรับตัวอักษรทำได้แค่ bold และ italic เท่านั้น

 ความที่ภาษา HTML เป็นภาษาที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันมาถึง เวอร์ชัน 4.0 จึงได้เพิ่มขีดความสามารถจากเดิม ที่มีความสามารถเพียงเพื่อจัดรูปแบบตัวอักษร กลายเป็นภาษาที่มีความสามารถในการจัดรูปแบบเอกสารอย่างเต็มรูปแบบ สิ่งกระตุ้น แรกที่ก่อให้เกิดการพัฒนาดังกล่าว เกิดขึ้นในปี 1993 เมื่อโปรแกรม Web browser มีความสามารถจะดูเอกสารแบบ Hypertext พร้อมกับมีรูปภาพประกอบได้พร้อมๆ กัน และในระยะหลังจากนั้นอีก 5 ปี ภาษา HTML ก็ได้พัฒนาตนเองมาเรื่อยๆ จนเป็นเวอร์ชัน ปัจจุบัน -- เวอร์ชัน 4.0

 สิ่งที่ทำให้ HTML เวอร์ชันปัจจุบัน มีความสามารถในการจัดรูปแบบเอกสารอย่างเต็มรูปแบบ คือ ความสามารถในการใช้ Cascading Style Sheet เพิ่มเติมจากเวอร์ชันก่อนหน้านี้ (เวอร์ชัน 3.2) ซึ่งมีความสามารถจัดรูปแบบเอกสารอยู่ในขั้นมาตรฐาน

ในอดีต สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนภาษา HTML ประสบกับปัญหามากมาย คือ การที่โปรแกรม browser หลักๆ ยังคงมีความแตกต่างทาง ด้านเทคโนโลยีกันอย่างมาก และต่างก็ได้พัฒนาภาษา HTML ของตนเพิ่มเติมจากมาตรฐานในเวอร์ชัน 3.2 กันเอง โดยไม่ได้มีการตกลง ระหว่างกัน เป็นผลให้ผู้เขียนภาษา HTML โดยถือตามมาตรฐาน หรืออ้างอิงค่ายใดค่ายหนึ่งไม่สามารถจะแสดงรูปแบบของเอกสาร ให้เป็นอย่างที่ต้องการได้ ในปัจจุบัน ปัญหาดังกล่าวกลับไม่ลดน้อยลงไป แม้ว่าจะได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อกำหนดมาตรฐาน ให้โปรแกรม browser ในเวอร์ชันใหม่ๆ นำเอา HTML เวอร์ชัน 4.0 เป็นมาตรฐานก็ตาม แต่ปัญหายังคงมีอยู่ ต่อไป ด้วยเหตุที่คณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่สามารถผลักดันให้โปรแกรม browser รับเอามาตรฐานดังกล่าวไปใช้อย่างรวดเร็ว เพียงพอ


  • เพื่อสร้างสื่อที่นักวิทยาศาสตร์สามารถจะเผยแพร่ผลงาน และใช้อ้างอิง ได้ตลอด 24 ช.ม.
  • เพื่อสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ที่รองรับภาษาท้องถิ่น ที่ไม่ขึ้นกับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ (Platform) หรือระบบเครือข่ายใดๆ
และด้วยวัตถุประสงค์ข้างต้น ภาษา HTML จึงถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในสังคมของนักวิทยาศาสตร์ และกำหนดให้เครื่องมือที่ใช้เขียน เป็นโปรแกรม text editor ทั่วๆ ไป

โครงสร้างรูปแบบการเขียนภาษา html

ในการเขียนภาษา HTML นั้น จะมีรูปแบบโครงสร้างการเขียนแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
  1. ส่วนประกาศ เป็นส่วนที่กำหนดให้บราวเซอร์ทราบว่า นี่คือภาษาเอชทีเอ็มแอล และจะต้องทำการแปรผลอย่างไรมีคำสั่งคู่เดียวคือ <html> และ </html> ปรากฏที่หัวและท้ายไฟล์
  2. ส่วนหัวเรื่อง (head) เป็นส่วนที่แสดงผลข้อความบนไตเติ้ลบาร์ของบราวเซอร์ และอาจมีคำสั่งสำหรับกำหนดรายละเอียดด้านเทคนิคอื่นๆ อีก แทรกอยู่ระหว่างคำสั่ง <head> และ </head>
  3. ส่วนเนื้อหา (body) เป็นส่วนที่มีความซับซ้อนมากที่สุด และสามารถใส่เทคนิคลูกเล่นเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้มาก ความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์ต่างๆ แสดงความมีฝีมือของผู้จัดทำ ศิลปะในการออกแบบจะอยู่ในส่วนนี้ทั้งหมด ซึ่งจะแทรกอยู่ระหว่างคำสั่ง <body> และ </body>
โครงสร้าง พื้นฐานของภาษา Computer เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ของการเขียนภาษา Computer โดยทั่วไปแล้ว มันจะต้องถูก เขียนขึ้นทุกครั้ง ภาษา HTML ก็เหมือนกับภาษา Computer ทั่วๆไป ที่มี โครงสร้าง พื้นฐานเฉพาะ ของมันคำสั่งของ HTML ส่วนมากจะถูกกำหนด อยู่ในเครื่องหมาย < และ > ซึ่งถูกเรียกว่า Tag สำหรับในส่วนของคำสั่ง Tag ภายในคำสั่ง

เคล็ดลับความสำเร็จของ HTML

       HTML ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับเว็บโดยเฉพาะ และใช้รหัสข้อมูลแบบธรรมดา ทำให้ไฟล์ HTML สามารใช้ได้กับทุกโปรแกรม ในขณะที่ไฟล์ของโปรแกรมอื่น จะใช้งานได้เฉพาะกับโปรแกรมของตัวเอง เช่น ไฟล์ข้อมูลของเวิร์ดโปรเซสเซอร์ ไม่สามารถเรียกใช้จากโปรแกรมเท็กซ์อิดิเตอร์ทั่งไป
       HTML เป็นภาษามาตรฐานเปิด ทุกคนสามารถนำไปใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ HTML ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง แม้แต่องค์กรที่กำหนดมาตรฐานของภาษานี้ (W3C) ก็เป็นองค์กรที่ตั้งข้นโดยไม่หวังผลกำไรใดๆ
      HTML เป็นไฟล์ที่สามารถอ่านเข้าใจนี่คือจุดประสงค์ข้อหนึ่งในการพัฒนา HTML ขึ้นมา ซึ่งแตกต่างจากโปรแกรมภาษาอื่นๆ คำสั่งของ HTML นั้นเข้าใจง่ายเหมือนเอกสารทั่วไป
     HTML สามารถใช้งานระบบ Hypertext ได้ คุณสมบัติข้อนี้อาจจะเป็นข้อที่สำคัญที่สุด การมีจุดลิงค์ (Hyper Link) อยู่ภายในเว็บเพจของเรา จะทำให้สามารถเชื่อมโยงเอกสารไปยังแหล่งข้อมูลต่างๆได้ทั่วโลก เพียงแค่คลิกเมาส์ที่จุดลิงค์เท่านั้น
     HTMLสามารถทำงานกับมัลติมีเดีย เช่นเสียง รูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความ เป็นต้น คุณสมบัติข้อนี้ ทำให้เว็บแตกต่างไปจากการสื่อสารประเภทอื่น เช่น หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่ E-Mail

ความขัดแย้งในมาตรฐาน HTML

  
   จากแนวความคิดของ WWW ที่ต้องการให้ทุกคนสามารถจะรับส่งข้อมูลถึงกันได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่า เขาจะใช้ระบบอะไร เครื่องอะไร หรืออยู่ในโลกใด แต่แนวความคิดนี้ต้องเผชิญกับการท้าทายจาก  Netscape Navigator  โดยในต้นปี 1994 Netscape ได้นำเสนอโปรแกรมที่มีฟังก์ชันเพิ่มเติมมากมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกับเพจ แต่ความสามารถที่เพิ่มขึ้นมานี้จะใช้ได้กับเฉพาะโปรแกรมเบราเซอร์ที่มีฟังก์ชันสนับสนุนเท่านั้นทำให้นักออกแบบเพจได้แตกเป็น 2กลุ่ม  กลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วยเพราะฟัฃก์ชันใหม่ๆ เหล่านี้จะใช้ได้เฉพาะกับเบราเซอร์ Netscape เท่านั้น ถ้าหากนำเพจที่ออกแบบด้วย Netscape ไปใช้ในเบราเซอร์ Lynx ซึ่งเป็น Text-Mode เพจที่ปรากฏอาจจะดูไม่รู้เรื่องก็ได้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนก็เห็นว่าเป็นการเพิ่มสีสันลวดลายให้กับเพจ และก็เป็นสิทธิของผู้ใช้ที่จะเลือกเบราเซอร์ชนิดไหนก็ได้ เพื่อเจะดูเพจที่มีเทคนิคเฉพาะตัวเช่นนี้  ถึงแม้ว่า ผู้พัฒนาโปรแกรมเบราเซอร์ Netscape และ Internet Explorer จะยอมรับในหลักการพื้นฐานของ HTML แต่ทั้งสองบริษัทก็ยังคงเพิ่มความสามารถพิเศษ และลูกเล่นในโปรแกรมของตนเอง ซึ่งอยู่นอกเหนือไปจากมาตรฐาน HTML ตัวอย่างเช่น คำสั่ง <BLINK> ของ Netscape มีผลให้ข้อความกะพริบ และคำสั่ง <MARQUEE> ได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะทั้ง Netscape และ Microsoft ต่างก็ต้องการจะครองส่วนแบ่งของตลาดให้มากที่สุด ต่างฝ่ายก็ต่างพัฒนาเบราเซอร์ของตนให้มีความสามารถที่อีกฝ่ายไม่มีถ้าหากการแข่งขันยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เสน่ห์ดึงดูดใจของเว็บก็จะลดลงอย่างมาก เพราะผู้ใช้คงจะต้องเปลี่ยนเบราเซอร์กลับไปกลับมา เมื่อต้องการจะดูเพจที่ใช้เบราเซอร์ต่างชนิดกัน

    Netscape และ Microsoftได้ข้าเป็นสมาชิกองค์กร W3C และร่วมมือกันพัฒนามาตรฐานของ HTML ถึงแม้เบราเซอร์ของทั้งสองค่าย จะมีบางฟังก์ชันที่แตกต่างกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เพจบนเวิลด์ไวด์เว็บสามารถทำงานได้เป็นอย่างดีทั้งบน Netscapeและ Internet Exprorer

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

W3C คืออะไร ???

W3C W3C หรือ World Wide Web Consortium เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ทำงานด้านการพัฒนาเทคโนโลยี เว็บไซต์ นำโดยนาย ทิม เบิร์นเนอร์ ลี ก่อตั้งในปี 1994 และมีองค์กรสมาชิกมากกว่า 450 องค์กร ซึ่งรวมถึงองค์กรอย่าง Microsoft, Sun Microsystems และอื่น ๆ อีกมากมาย องค์กรนี้ ประกอบด้วยสถาบัน 3 สถาบันคือ MIT ในสหรัฐอเมริกา INRIA ในยุโรป และ Keio University ใน ญี่ปุ่น มาตรฐานของ W3C มีอะไรบ้าง 1. HTML 4.0 – Hyper Text Markup Language 2. XML 1.0 – Extensible Markup Language 3. XHTML 1.0, 1.1 และ Modularization 4. CSS – Cascading Style Sheets 5. DOM 1 – Document Object Model Level 1 ประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำตามมาตรฐาน เว็บ 1. ประโยชน์ต่อซอฟแวร์หรือเครื่องจักร • Search engine สามารถค้นหาและทำดรรชนีข้อมูลในเว็บได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น • เนื่องจากว่ามาตรฐานเป็นสิ่งที่บราวเซอร์ทุกชนิดเข้าใจ จึงทำให้สามารถเข้าใจโครงสร้างเอกสารเว็บได้ แม้ว่าจะไม่เข้าใจเทคโนโลยีมาตรฐานใหม่ ๆ แต่ก็ยังสามารถ แสดงผลได้ • นักพัฒนาที่ใช้มาตรฐานจะสามารถตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร (validate

เซอร์ทิโมที จอห์น เบอร์เนิร์ส-ลี ผู้คิดค้น www (เวิร์ดไวด์เว็บ)

      เซอร์ทิโมที จอห์น เบอร์เนิร์ส-ลี (Sir Timothy John Berners-Lee, OM, KBE, FRS, FREng, FRSA) (8 มิถุนายน พ.ศ. 2498) ผู้คิดค้นและประดิษฐ์ เวิลด์ไวด์เว็บ ผู้อำนวยการWorld Wide Web Consortium (ทำหน้าที่ดูแลการพัฒนาต่อเนื่องใหม่ ๆ เกี่ยวกับเว็บ) นักวิจัยอาวุโสและผู้นั่งในตำแหน่ง ทรีคอมฟาวน์เดอร์สแชร์ (3Com Founders Chair) ที่หอทดลองวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์แห่งเอ็มไอที (CSAIL)       เซอร์ทิม เบอร์เนิร์ส-ลีเกิดในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นบุตรนายคอนเวย์ เบอร์เนิร์ส-ลี และนางแมรี ลี วูดส์ ทั้งบิดาและมารดาเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในทีมสร้างคอมพิวเตอร์ยุคแรก คือ "แมนเชสเตอร์ มาร์ก 1" ด้วยกัน ทั้งสองได้สอนให้เบอร์เนิร์ส-ลีใช้คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวันไปทุกเรื่อง แม้แต่บนโต๊ะอาหาร เบอร์เนิร์ส-ลีเข้าโรงเรียนชั้นประถมที่โรงเรียน "ชีนเมาท์" (ซึ่งต่อมาได้อุทิศห้องโถงใหม่ห้องหนึ่งเป็นเกียรติแก่เขา) ก่อนที่จะย้ายไปเรียนต่อระดับโอ. และระดับเอ. ที่โรงเรียนเอ็มมานูเอล ที่วานสเวิร์ท     เบอร์เนิร์ส-ลีเป็นศิษย์เก่าของควีนส์คอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดซึ่งเบ

ร้านรับทำตรายาง

  สั่ง ตรายางหมึกในตัว ด่วน คลิ๊ก!!!!  สั่งรอรับ 1 ชม. วันนี้ !!! ร้านตรายาง ฟิงเกอร์ พริ้นต์  รับทำ ตรายางหมึกในตัว ด่วน โรงงานผู้ผลิต ผู้นำเข้าตรายางหมึกในตัว ที่ครบวงจรมากที่สุด ได้รับความไว้วางใจจากหลายภาครัฐ เอกชน ให้ผลิตตรายางหมึกในตัวจำนวนมาก เพราะเรามีเครื่องจักรที่ทันสมัย กำลังผลิตสูง ประสิทธิภาพดี และราคาที่เหมาะสม จึงทำให้ร้านทำตรายาง ฟิงเกอร์ พริ้นต์  ผลิตต่อเนื่องได้ถึง 1-1000 อัน ในเวลาอันรวดเร็ว ทางร้านฟิงเกอร์ พริ้นต์ มีผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ครบวงจร  รองรับการผลิตตรายางหมึกในตัว ขนาดเล็กมาก ไปจนถึงขนาดหนาและใหญ่ ด้วยระบบตรวจสอบคุณภาพการผลิตทุกชิ้นส่วน เลือกตรายางชนิดอื่น  กดที่นี่ ร้านรับทำตรายางฟิงเกอร์ พริ้นต์ ผู้ผลิต ผู้นำเข้าตรายางหมึกในตัวราคาถูก เราคือผู้เชี่ยวชาญ บริการขึ้นรูปยางทุกชนิด ยินดีให้คำปรึกษาฟรี 970/2 ซอยสุขุมวิท103 (ระหว่างซอยอุดมสุข48-50) ถนนสุขุมวิท  แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพ 10260 โทร: 02-746-5213, 02-746-5214 มือถือ :  081-581-4133 Email : print3950@yahoo.com